Travel,  เที่ยวต่างประเทศ

รีวิวญี่ปุ่น | แจกแพลนเที่ยว Osaka – Kyoto 7 วัน 6 คืน ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี

Share

แพลนทริปนี้บอกเลยว่า เจอแต่วิวสวยๆเยอะมากๆ เป็นช่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสีสวยสุดๆที่โซน โอซาก้า – เกียวโต

ช่วงเดือน พ.ย. ของทุกๆปีก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่น ที่โอซาก้า และ เกียวโต คือที่สุดแห่งความสวยงามในช่วงฤดูแบบนี้ วันนี้เราเลยเอาแพลนทริปที่เราเคยไปมา มาแชร์ให้คนที่สนใจอยากจะไปและชอบญี่ปุ่นเหมือนกับเราสองคน ได้ดูเป็นข้อมูล เผื่อจะเป็นประโยชน์

📝แพลนเที่ยวนี้เป็นเพียงการเดินทางที่เป็นสไตล์เราเอง เน้นถ่ายรูปเป็นหลัก เพื่อนๆคนไหนชอบหรือสนใจเอาไปปรับใช้ให้เข้าสไตล์แต่ละคนได้เลยจ้า
ปล.แอบยาวนะ อ่านไม่จบก็ไม่โกรธ แต่ถ้าจะลอกต้องอ่านจนจบนะ 😝

📌ทริปนี้ไปวันที่ 17-23 พ.ย. 2017 ซึ่งโซนเกียวโตจะแดงพีคหลังกลางเดือนถึงปลายเดือนพ.ย.จ้า ถ้าจะถามว่าไปช่วงไหนดีถึงจะเจอใบไม้แดง🍁 ก่อนอื่นเลยต้องรู้ก่อนว่าอยากไปที่ไหน โซนไหน แล้วก็อาศัยไปดูพยากรณ์ใบไม้แดงในปีนั้นๆ หรือจะเอาปีก่อนๆมาดูประกอบกันด้วยก็จะเป๊ะมากกกกส่วนถ้าแพลนแล้ว อากาศแปรปรวน ก็อยู่ที่ดวงละค้าบ 😂

📝ไปดูกันดีกว่าว่าทริปนี้ไปไหนกันมาบ้าง
ทริปนี้ส่วนใหญ่จะแพลนไว้แค่วันละที่ค่ะ และดูตามสภาพอากาศแต่ละวันก่อน
ถ้าฝนตกก็สลับๆวันกันได้จ้า “เที่ยวญี่ปุ่น” อย่าลืมเช็คพยากรณ์อากาศน้า แต่ละที่จะสวยไม่สวย อากาศเป็นสิ่งสำคัญมาก
แต่บอกเลยว่า
”ทริปไม่แน่นแต่ฟินสุดๆ ทั้งได้เสพบรรยากาศนานๆ และ ได้ถ่ายรูปเต็มที่ ”ค่า

✈️เริ่มต้นออกเดินทางโดยสายการบิน Thaiairasia X เที่ยวบิน “XJ610”เครื่องออก 14.15 บินตรง 5 ชม.กว่าก็ถึงละ ไปถึงโอซาก้า 21.40 ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ทันรถไฟนะ ทันค่ะบอกเลย ถ้าเราไม่ไปแวะดูนั้นโน้นนี่เรื่อยเปื่อย
เราเลือกนั่งรถไฟธรรมดาของ Nankai ราคา920เยน ยาวๆไปลงนัมบะ ละต่อแท๊กซี่ไปที่พักค่ะ ซึ่งที่พักห่างจากสถานีนัมบะแค่สถานีเดียวเองค่า ค่าแท๊กซี่ไม่แพง

🏠ที่พัก เลือกนอน Airbnb ทั้ง6คืนที่โอซาก้า เพราะเป็นคนไม่ชอบขนกระเป๋าจ้า นอนมันที่เดียวนี่แหละละค่อยนั่งรถไฟเที่ยวเอา เราจะได้ไม่เหนื่อยเวลาที่จะต้องย้ายที่พักบ่อยๆ ส่วนที่ชอบนอน Airbnb เนื่องจากถูกกว่าและกว้างกว่าโรงแรม และมีพื่นที่ใช้สอยต่างๆ ส่วนเทคนิคจองยังไงไม่ให้โดนเท เลือกที่มีรีวิวเยอะๆ เจ้าของบ้านดีเด่น และติดต่อกับเจ้าของบ่อยๆจ้า ใครพัก Airbnb อย่าลืมปริ้นเอกสารการจอง และเบอร์โทรศัพท์ที่พัก ไปด้วยนะ เผื่อ ตม. เรียกดูค่ะ ไม่ต้องตกใจกังวลอะไรเป็นเรื่องปกติค่ะ

📱ในส่วนของ อินเตอร์เน็ต เราเลือกใช้เป็น ซิม net ของ Ais Sim2fly แบบแพคเก็จ 299 บาท ใช้เน็ตได้ 4 Gb ใช้ได้ 8วัน ราคานี้สำหรับคนที่มี sim2fly เดิมอยู่แล้วหากซื้อซิมใหม่จะราคา 399 บาท เหตุผลที่เลือกใช้ ซิมเพราะ หากเกิดเหตุพลัดหลงกันเราก็ยังส่งไลน์หากัน หรือ โทรไลน์หากันได้ และ แชร์โลเคชั่นบอกตำแหน่งกันได้ แต่หากใช้เป็น pocket wifi ที่เค้ามีให้เช่ากันนั้นเราจะเดินแยกกันไม่ได้เลย ซึ่งลองมาคำนวณคิดดูแล้วเราใช้แบบนี้โอเคสะดวกกว่า และ เน็ต 4gb เราใช้ได้สบายๆเหลือๆเพราะปกติจะไม่ได้มาเปิดดูยูทูปหรือดูอะไรที่เป็น vdo ให้เปลืองเน็ตอยู่แล้วก็ใช้งานเล่น ไลน์ / เฟส / ig ตามปกติ เรื่องความเร็วของเน็ตไม่ต้องห่วงเร็วปรี้ดทุกที ที่เราไป

Day 1 // Osaka City
🚇Pass : Metro one day pass
วักแรก ก็ไม่ไปไหนไกลถือว่าเป็นการปรับสภาพตัวเองก่อน เน้นเดินเล่นเที่ยวในเมืองเลยไม่ได้กะจะซื้อพาส แต่ไปเจอ one day pass ที่มีขายเฉพาะวัน ส.-อา.มา แค่600เยนเท่านั้น นั่งใต้ดินไม่จำกัดเที่ยว ซื้อสิคะ 😂
ส่วนในตัวเมืองโอซาก้าไม่ค่อยมีต้นเมเปิ้ลแดงๆเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเป็นต้นแปะก๊วย เลยหาดูว่าที่ไหนมีต้นเหลืองๆบ้าง เลยลองไปแถวสวน tennoji ลงสถานี tennoji เลยค่ะละเดินตามไปป้ายไปเรื่อยๆ แถวๆนี่ก็จะมี สวน tennoji / สวนสัตว์ tennoji / ร้านอาหาร คาเฟ่ ต่างๆ แต่ตรงที่ต้นแปะก๊วยเหลืองอร่ามพีคสุดๆ คือตรง Osaka city museum of arts เหลืองทั้งแนวเลย สวยมากกก ข้างในน่าจะมีพวกการแสดงต่างๆแต่เราไม่ได้เข้า มาตามหาต้นไม้เหลืองถ่ายรูปละกลับได้ 555 ตกเย็นเดินเล่นที่ Dotonburi หาของกินต่างๆ เลือกไม่ไหว น่ากินซะทุกร้าน อย่าว่าแต่ของกิน ของช้อปก็เยอะแยะมากมายเช่นกัน..

Day 2 // Minoo Park
🚇Pass : Metro one day pass
วันนี้ไปเที่ยวแบบธรรมชาติที่ Minoo park กันจ้า นั่งรถไฟแค่ 30 นาที ขึ้นจาก สถานี Umeda นั่งรถไฟ Hankyu ไปลงสถานี minoo ออกจากสถานีก็ถึงเลย บอกเลยว่าอยากมาที่นี่มากก เคยดูรูปช่วงใบไม้เปลี่ยนที่นี่สวยมากก แถมไม่ไกลด้วย ที่มิโนะ จะเป็นอุทยานแห่งชาติ เส้นทางศึกษาธรรมชาติ เดินตามเขาเรื่อยๆไม่ชันค่ะ ประมาณ3กม. จะถึงน้ำตกมิโนะด้านใน ตามทางใบไม้เปลี่ยนสีตลอดทาง แดง ส้ม เหลือง เขียว สลับๆกันไป โอ๊ยสวยมากกก บวกกับมีลำธารและน้ำตกเล็กๆเลียบทางเดิน สายธรรมชาติไม่มาถือว่าพลาดดดด และที่มีที่นี่ที่เดียวคือ ใบเมเปิ้ลทอด จะมีขายตามทางตลอดทาง ลองชิมแล้วก็คล้ายๆกล้วยทอดบ้านเราแค่ไม่มีกล้วย เอ่อะ! ก็แบบแป้งทอดนั่นแหละ 😄🍁 และแล้วเราก็เดินไปเรื่อยๆ มาถึงจุดพีค ของพีคของพีค ถึงน้ำตกหรอ เปล่า!!!!!! ทางเดินปิด น้ำตกปิดจ้า !!! ยืนช๊อค15วิ เลยถามเจ้าหน้าที่ที่ยืนเฝ้าทางเข้า เค้าว่าทำไมปิด เค้าบอกมีหินถล่ม เลยปิดทางเดิน 😭😭😭
แล้วยังไงต่อ เดินกลับสิคะ ถถถถ ภาพน้ำตกมิโนะกับสะพานสีแดงที่วาดฝันไว้ บายจ้าาา แต่ให้อภัยเพราะแค่ที่เดินมาครึ่งทางก็สวยเหลือเกิน ถ้ามีโอกาส คราวหน้าฉันต้องถึงน้ำตกกกกกก.. ก็จบ Day 2 แบบสวยงามแต่ก็แอบเสียดายนิดๆ ยังเป็นโชคชะตากำหนดอยากให้เรากลับมาที่นี่อีกครั้งแน่เลย ^^

Day 3 // Bishamondo Temple
🚇Pass : Kansai thru pass + taxi
วันที่3 วันนี้ใช้ Kansai thru pass แบบ 3 วัน 5200เยน วันนี้แล้วที่จะใส่กิโมโน แปลงร่างเป็นสาวญี่ปุ่น 👘ใส่กิโมโน ต้องเกียวโตเลยจ้า ร้านรวงมากมาย แต่รอบนี้ จองร้าน yumeyakata ไว้ค่ะ ข้อมูลเช่าชุดกิโมโนตามลิ้งนี้เลยจ้า
https://www.facebook.com/pg/travelandagain/photos/…
เปลี่ยนชุดเสร็จ เลือกไปวัด Bishamondo ค่ะ ลงสถานี Yamashina (Tozai subway line) หรือสถานี Keihan Yamashina (Keihan Keishin line) ละเดินต่ออีก20นาทีค่อนข้างไกลละขึ้นเขา แนะนำนั่งแท็กซี่โลดจ้า ถึงจะไกลหน่อยแต่อยากไปถ่ายรูปที่คนไม่เยอะ และก็ไม่ผิดหวัง สวยและมุมถ่ายรูปหลากหลาย ใบไม้เปลี่ยนสีก็สวยมาก เสียดายที่ตรงบันไดทางเดินที่เป็นไฮไลท์ ที่ตั้งใจไว้คือ ใบเมเปิ้ลร่วงเต็มพื้นตามบันไดเหมือนเป็นพรมสีแดง แต่เค้ากวาดใบไม้ที่ร่วงไปหมดแล้ว ไม่งั้นจะเป็นทางเดินเหมือนพรมสีแดงสวยมากๆ ใครจะไปที่นี่ ไปเช้าๆนะคะ ก่อนเค้ามากวาดไป 😂😂
ตอนแรกวันนี้ใส่กิโมโนจะไปหลายวัด แต่ถ่ายรูปอย่างเมามัน สรุปได้วัดเดียว 55555 ก่อนกลับโอซาก้าดูเวลาแล้วยังจะพอมีเวลาเหลือนิดหน่อยเลยแวะไปที่ Fushimi inari แปปนึง ไหนก็ไหนๆแล้วขอใส่ชุดกิโมโน ถ่ายคู่กับโทริอิสักหน่อยถ่ายได้แปบหนึ่ง ก็มืดแล้วเลยไว้มาซ่อมอีกวันดีกว่า ยังดีที่ได้รูปที่ถูกใจบ้าง 😂😂..

Day 4 // Arashiyama
🚇Pass : Kansai thru pass
มาแล้ว ไฮไลท์ของทริปนี้ “อาราชิยาม่า” นั่งรถไฟHankyu Railway : จากสถานี Hankyu-Umeda (Osaka) สามารถนั่งรถไฟ Hankyu Arashiyama Line เพื่อมายังสถานี Hankyu-Arashiyama ได้เลย
ที่บอกว่าเป็นไฮไลท์เพราะ ฤดูที่สวยที่สุดของที่นี่คือ ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ภูเขาจะเต็มไปด้วยใบไม้สีแดง ส้ม เหลือง ตัดกับแม่น้ำสีฟ้า 🍁💙 และนี่เป็นเหตุผลที่ควรเลือกมาในที่วันอากาศดีค่ะ☀️ ถ้าดูแล้ววันที่เราจะไปฝนตกก็ให้เปลี่ยนสลับไปวันอื่นแทนก็ได้ เพราะถ้าฝนตกน้ำจะขุ่นและไม่เป็นสีฟ้านะจ้ะ ที่อาราชิยาม่าแนะนำว่าถ้าเป็นไปได้เที่ยวที่นี่ให้เต็มวันเลย เพราะที่เที่ยวรอบๆเยอะมาก มีเรือล่องแม่น้ำชมวิวด้วยนะ แต่เราสายถ่ายรูปเน้นเดินไปเรื่อยๆ จนถึงป่าไผ่ Bamboo forest แต่คนเยอะมาก แนะนำว่าให้มาเช้า เช้า เช้า เลยจ้าประมาณ 06.00 หรือ 07.00 เลยเพราะคนจะแทบไม่มีถ่ายรูปมุมต้นไผ่สวยมาก ไหนๆก็มาอาราชิยาม่าแล้ว ขอแวะชิมกาแฟ เจ้าดัง กาแฟ% ☕️เห็นคิวยาวแต่ด้วยความอยากรู้ ต่อแถวกะเค้าหน่อย ชิมแล้วบอกเลยว่า คือดีย์!! กาแฟหอม รสชาติกลมกล่อม ( อันนี้แล้วแต่ว่าใครชอบดื่มกาแฟมั้ยด้วยน้า )

Day 5 // Fushimi inari Shine // Eikando temple
🚇+🚌Pass : Kansai thru pass
วันนี้ไปตามหาใบไม้แดงกันต่อที่เกียวโต
– เริ่มกันที่ไปลงสถานี Fushimi inari เลยจ้า Fushimi inari หรือที่คุ้นตากัน วัดที่มีเสาโทริอิเรียงรายมากมาย แถมเปิดตลอดไม่มีปิด ระยะทางเสาโทริอิยาวถึง 1กิโล ส่วนใครจะเดินถึงไหนก็แล้วแต่เวลากับกำลังขากันเลยจ้า แต่เห็นหลายคนบอกว่า ขึ้นไปสูงมากๆก็ไม่ต่างจากข้างล่างหรือตรงกลางแต่ดีตรงที่ว่าคนน้อย ที่วัดนี้คนเยอะมากทุกเวลา แต่กะเป็นที่ที่ถ่ายรูปออกมาเก๋ไก๋เว่อร์ แต่รอจังหวะไม่มีคนนี่ยากมาก ใครมีรูปตอนไม่มีคนติดเอามาอวดด้วยน้า ถือเป็นรูปหายาก 555 และ ทีเด็ดของที่นี่ คือ ร้านขายของกินทั้ง2ข้างทางที่เรียงรายกันเยอะมาก จะบอกว่า อร่อยเกือบทุกร้านทุกอย่าง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งของที่นี่ ต้องแวะลองชิมกันให้ได้ ทั้งของคาว ของหวาน ส่วนราคานั้นก็กลางๆไม่ถูกไม่แพงจนเกินไป
– ต่อไปเราไปต่อกันที่วัด Eikando วิธีที่มาง่ายและเดินใกล้ที่สุดคือนั่งรถบัส Kyoto City Bus หมายเลข 5 ลงที่สถานี Nanzenji-Eikando-michi bus stop ซึ่งรถบัสในเกียวโตสามารถใช้ KTP ได้เลยค่ะรวมอยู่ในพาสแล้ว วัด Eikando ถือว่าพีคสุดๆ ในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ค่าเข้า 1,000เยน อาจจะดูแพง(เราเห็นค่าเข้าทีแรกก็แอบตกใจ)
แต่ถือว่าคุ้มมากๆ เอาเป็นว่าต้นเมเปิ้ลแดง🍁🍁มีทั่วทั้งวัด ถ้าไปตรงช่วงพีคพอดี มันจะสวยมากกกก สวยที่สุดแล้วในจำนวนวัดที่เคยไปมา ส่วนตอนกลางคืนมีไลท์อัพด้วยนะ พอ5โมงคนต่อแถวยาวเป็นกิโล ราคาเข้าชมช่วงไลท์อัพก็น่าจะแพงพอๆกัน แต่พอดีไม่ค่อยอินกับไลท์อัพเลยไม่ได้อยู่ต่อจ้า

Day6 // Osaka castle // Shinshibashi // Kansai Airport
🚇Pass : ไม่ได้ใช้พาส
และแล้วก็มาถึงวันสุดท้าย ตื่นมาอย่างแรกคือ เอากระเป๋าใบใหญ่ไปฝากตู้ล็อคเกอร์ก่อนเลย เพราะว่ากลับไฟลท์ดึกมาก ใครจะฝากกระเป๋าที่สถานีรถไฟไปเช้าๆนะ เพราะเต็มเร็วมาก ฝากกระเป๋าแล้วไม่รู้ไปไหนดี 55 เพราะทุกทริปวันสุดท้ายจะไม่ใส่แพลน เผื่อขาดเหลือเก็บตกต่างๆ เลยตัดสินใจไปปราสาทโอซาก้าละกัน เพราะจำได้ว่ารอบปราสาทใบไม้เปลี่ยนสีสวยอยู่ ไปคะไปลงสถานีOsaka Business Park ออกทางออกที่ 2 ละก็ไม่ผิดหวังนะค้าบ สวยมากก ต้นแปะก๊วยเหลืองพีคพอดีเลยยย เดินเล่นถ่ายรูปสักพัก ก็ไปย่าน Shinshibashi ช้อปปิ้งก่อนกลับสักหน่อย ( อีกอย่างหนึ่งที่เราทำเรื่อง ช้อปปิ้ง คือ เราก็จะซื้อของที่เราต้องการเกือบแทบทุกวันช่วงเย็นหรือค่ำๆก่อนกลับเข้าที่พัก เพราะเราไม่อยากซื้อครั้งเดี๋ยวในวันสุดท้ายมันจะทำให้เราจัดกระเป๋าลำบาก เราค่อยๆซื้อและจัดกระเป๋าให้เหมาะสมไปเรื่อยๆมันง่ายและสะดวกกว่าอีกทั้งเรายังรู้ลิมิตด้วยว่ากระเป๋าเราเหลือที่ว่างเท่าไรในการใส่ของเข้าไป )
ส่วนขากลับเลือกนั่ง Nankai rapid airport express จะเป็นรถไฟด่วนแบบระบุที่นั่งจะแพงกว่ารถไฟธรรมดาหน่อย แต่เอาละ เพราะไม่ไหวจะยืน กลัวไม่มีที่นั่ง ไม่อยากวัดดวงขอนั่งกลับสบายๆดีกว่า เรากลับเที่ยวบิน XJ611 ของ ThaiairasiaX นั่งรถไฟไปลง terminal2 นะจ้ะ ไปเผื่อเวลาสัก3ชม.นะ เผื่อแถวยาวต่างๆ อย่ามัวเที่ยวเพลินช้อปเพลิน ตกเครื่องแล้วไม่สนุกนะ 5555 เราเลือกที่จะไปเผื่อเวลาเยอะหน่อยแต่สบายใจ หากเหลือเวลาที่สนามบินเยอะก็ไปเดินเล่นซื้อของฝากเพิ่มหรือหามุมถ่ายรูปเล่นก็เพลินดีเหมือนกัน

🍁จบแล้วทริปใบไม้เปลี่ยนสีโอซาก้า-เกียวโต 2017 ใครที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ขอบคุณมากๆนะคะหวังว่าข้อมูลต่างๆ เรื่องราวที่เรามาเล่าสู่กันจะเป็นประโยชน์ กับทุกๆคน
**📍📍ใครชอบ ใครจะลอก ใครจะตาม ใครจะก็อปมุมถ่ายรูป ก็ยินดีมากๆ ก็หวังว่าจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ ใครมีคำถามสงสัยต่างๆ ถามกันมาได้เลยจ้า ถ้าตอบได้นะคะ 55 แอบกระซิบว่าเดี๋ยวจะทำรีวิวแยกแต่ละที่ออกมาให้ชมกันด้วยนะ ฝากติดตามเราด้วยยน้าา


Share